แชร์

เจาะลึก! "ปลาหิมะ Snow Fish" ที่ต้องรู้..

อัพเดทล่าสุด: 23 ก.ย. 2024
1746 ผู้เข้าชม
ปลาหิมะ Snow Fish วัตถุดิบอาหาร ขายปลีก ขายส่ง Bigfridgeboy


ทำไมถึงเรียกว่า "ปลาหิมะ"?
คำว่า "ปลาหิมะ" มาจากถิ่นอาศัยในน้ำเย็นสะอาดของมหาสมุทรตอนใต้ที่ล้อมรอบแอนตาร์กติกา ชื่อนี้ทำให้นึกถึงน้ำที่เย็นจัดและห่างไกลที่มันอาศัยอยู่ เปรียบเสมือนกับทิวทัศน์ที่ปกคลุมด้วยหิมะของพื้นที่ขั้วโลก หรืออีกหนึ่งที่มาคือชื่อเรียกนี้อาจมาจากเนื้อปลาสีขาว ที่เมื่อปรุงสุกแล้วจะแตกเป็นชิ้นเล็กๆ คล้ายกับเกล็ดหิมะนั่นเอง

ถ้าพูดถึงปลาหิมะ(Snow fish) หลายคนมักจะสับสนกันระหว่างปลากะพงชิลี(Chilean Sea Bass) และปลากินดารา/กินดาระ(Gindara) แม้จะมีรูปร่าง ลักษณะ สีของเนื้อ รสชาติ ความมัน ความชุ่มฉ่ำที่ใกล้เคียงกันมากๆ แต่ก็เป็นคนละสายพันธุ์กัน จะแตกต่างกันอย่างไร? ไปดูกัน

 

 

ปลาหิมะ (Snow fish) หรือ Patagonian toothfish เป็นปลาสายพันธุ์ที่พบในน่านน้ำเย็น โดยส่วนใหญ่อยู่ในมหาสมุทรใต้บริเวณรอบแอนตาร์กติกา ชื่อวิทยาศาสตร์คือ 'Dissostichus eleginoides' เป็นปลาคอดชนิดหนึ่ง ปลาชนิดนี้มีรสชาติเข้มข้นและมักพบได้ในร้านอาหารหรู เนื้อแน่นสีขาวนวล มีปริมาณน้ำมันสูง สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายวิธี ทั้งการย่าง การอบ และการทอด

 

 

ปลากะพงชิลี Chilean Sea Bass (Patagonian Toothfish)

  • ชื่ออื่นๆ: Chilean Sea Bassใช้ในการทำอาหาร; Patagonian Toothfish มักถูกใช้ในแวดวงวิทยาศาสตร์
  • ถิ่นอาศัย: เจริญเติบโตได้ในน้ำเย็นและลึกของมหาสมุทรใต้ โดยเฉพาะบริเวณทวีปแอนตาร์กติกา
  • ลักษณะทางกายภาพ:
    • ขนาดและรูปร่าง: สามารถโตได้ยาวถึง 2 เมตร หนักมากกว่า 100 กิโลกรัม โดดเด่นด้วยลำตัวที่ใหญ่โตและตัวยาว
    • สีและผิวหนัง: โดยทั่วไปจะเป็นสีเทาหม่นหรือน้ำตาล มีผิวที่หนา
    • ศีรษะและฟัน: มีหัวที่ใหญ่และกรามที่แข็งแรง มีฟันแหลมคมเหมาะกับไลฟ์สไตล์นักล่า
    • วงจรชีวิต: มีอายุยืนยาว
  • จุดเด่นด้านการทำอาหาร:
    • รสชาติ: ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เข้มข้น มัน ชุ่มฉ่ำ และมีความสมดุลกัน
    • เนื้อสัมผัส: ให้เนื้อสัมผัสที่หนาแน่น เป็นขุย และชุ่มชื้น โดยคงความแน่นไว้ด้วยวิธีการปรุงอาหารต่างๆ
    • การใช้ในการทำอาหาร: มักนำไปย่าง อบ ทอด หรือลวก มักปรุงรสเล็กน้อยเพื่อเน้นรสชาติตามธรรมชาติของเนื้อปลา
    • ประโยชน์ทางโภชนาการ: มีกรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีน และวิตามินที่จำเป็นสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ
  • ฤดูกาล:
    • Chilean Sea Bass: อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน

 

 

 

ปลากินดาระ Gindara (Sablefish/Black Cod)

  • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anoplopoma fimbria.
  • ชื่อที่รู้จัก: รู้จักกันในชื่อ Sablefish ในภาควิทยาศาสตร์และการประมง; Black Cod ในบริบทการทำอาหารของอเมริกาเหนือ และ Gindara ในอาหารญี่ปุ่น
  • ถิ่นอาศัย: พบมากในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ โดยเฉพาะนอกชายฝั่งอะแลสกาและแคนาดา
  • ลักษณะทางกายภาพ:
    • ขนาดและรูปร่าง: โดยทั่วไปจะเล็กกว่า Chilean Sea Bass โดยมีลำตัวเพรียวบางกว่า
    • สีและผิวหนัง: โดยทั่วไปแล้วจะมีสีเทาเข้มหรือสีดำ ซึ่งมีผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนกว่า
    • ศีรษะและฟัน: มีขนาดหัวที่เล็กกว่าตามสัดส่วนและมีฟันที่ยื่นออกมาน้อยกว่า สะท้อนถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่แตกต่างกัน
    • วงจรชีวิต: เป็นสายพันธุ์ที่มีอายุยืนยาวเหมือนกันแต่มีการเจริญเติบโตที่เร็วกว่า Chilean Sea Bass
  • จุดเด่นด้านการทำอาหาร:
    • รสชาติ: ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เข้มข้น นุ่มลิ้น และหวานเล็กน้อย
    • เนื้อสัมผัส: โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนเนื่องจากมีปริมาณไขมันสูง
    • การใช้ในการทำอาหาร: ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหารญี่ปุ่น เช่น ปลาค็อดหมักมิโซะ เหมาะสำหรับการรมควัน ย่าง และนึ่ง
    • ประโยชน์ทางโภชนาการ: คล้ายกับ Chilean Sea Bass ที่มีปริมาณโอเมก้า 3 เป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นจำนวนมาก
  • ฤดูกาล:
    • Gindara: อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน

 

ความแตกต่างกัน

  • ที่อยู่อาศัย: Chilean Sea Bass มีถิ่นกำเนิดในมหาสมุทรใต้ ในขณะที่ Gindara พบในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ
  • ความแตกต่างทางกายภาพ: Chilean Sea Bass มีขนาดใหญ่กว่าและมีผิวที่หนากว่า ในขณะที่ Gindara จะเงากว่าและมีผิวสีเข้มกว่า
  • เนื้อสัมผัสและรสชาติ: ทั้งสองมีเนื้อที่มีความมันเป็นหลัก Chilean Sea Bass มีเนื้อที่แน่น และเป็นขุย ให้รสชาติที่อ่อนกว่าเล็กน้อย ส่วน Gindara นั้นมีเนื้อที่เรียบเนียน รสชาติเข้มข้นและหวานกว่า มีปริมาณไขมันที่สูงกว่า
  • การใช้ในการทำอาหาร: Chilean Sea Bass มีความอเนกประสงค์มากว่า ส่วน Gindara เด่นในด้านอาหารที่ต้องปรุงอย่างอ่อนโยน
  • คุณค่าทางโภชนาการ: ทั้งสองชนิดอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ใกล้เคียงกัน แต่ว่า Gindara จะมีปริมาณไขมันสูงกว่า

 

เมื่อพูดถึง "ปลาหิมะ (Snow fish)" โดยทั่วไปจะหมายถึงปลากะพงชิลี(Chilean Sea Bass) ซึ่งเป็นชื่อสามัญของPatagonian Toothfish (Dissostichus eleginoides) นี่เป็นสายพันธุ์เฉพาะที่พบในน่านน้ำเย็นของมหาสมุทรใต้ โดยเฉพาะบริเวณทวีปแอนตาร์กติกา และขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติเข้มข้นของเนย และเนื้อสีขาวที่แน่น ชื่อ "ปลาหิมะ (Snow fish)" "ปลากะพงชิลี(Chilean Sea Bass)" และ "Patagonian Toothfish" ล้วนหมายถึงปลาสายพันธุ์เดียวกัน

ส่วนปลากินดาระ(Gindara) หรือปลาเซเบิลฟิช(Sablefish)และปลาค็อดดำ(Black Cod) (Anoplopoma fimbria) จะเป็นปลาคนละสายพันธุ์และไม่ได้ถูกเรียกว่าปลาหิมะ

 

ทำไมเราควรกินปลาหิมะ?
ปลาหิมะ โดยเฉพาะปลากะพงชิลี(Chilean Sea Bass) ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่สูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่น ดีต่อสุขภาพหัวใจ การทำงานของสมอง และการเคลื่อนไหวของข้อต่อ โปรตีนที่ไม่อ้วน แคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุทำให้เป็นวัตถุดิบอันล้ำค่าสำหรับผู้ที่รักในการดูแลสุขภาพ


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy