หลายๆคนก็คงเคยได้ยินเนื้อส่วน Striploin (สตริปลอยด์), New York Strip (นิวยอร์กสตริป), Top Loin (ท๊อปลอยด์) ตกลงแล้วมันคือส่วนไหนของวัวกันเนี่ย? แล้วเนื้อส่วนนี้มันแตกต่างกับส่วนอื่นยังไง?
Striploin มีหลากหลายชื่อเรียกมาก ไม่ว่าจะเป็น New York Strip, Kansas City Strip, Ambassador Steak, Club Steak, Country Club Steak, Delmonico Steak, Hotel Cut Steak, Shell Steak, Boneless Top Loin ซึ่งที่มาของชื่อเรียกต่างๆ ก็จะมาจากหลากหลายเมือง หลากหลายร้านสเต็ก ทั้งตั้งชื่อเนื้อส่วนนี้เอง หรือมีผู้คนเรียกต่อๆกัน เอาเป็นว่าชื่อทั้งหมดนี้ก็คือเนื้อส่วนเดียวกัน อร่อยจนผู้คนต้องขนานนามชื่อเยอะขนาดนี้เลยหรือเนี่ย มาดูกัน
Striploin (สตริปลอยด์) คือ เนื้อสันนอก ที่ติดกับกระดูกสันหลังของวัว มีชั้นไขมันที่บริเวณขอบด้านนอก เนื้อส่วนนี้เป็นส่วนที่วัวไม่ได้ขยับบ่อยนักจึงมีความนุ่มมากกว่าส่วนอื่นๆ จะนิยมนำมาทำเป็นสเต็ก เพราะเนื้อนุ่ม ละลายในปาก รสชาติเนื้อเข้มข้น มีสัดส่วนของเนื้อกับไขมันที่กำลังพอดี ชั้นไขมันด้านนอกเมื่อนำไปย่างแล้วจะเพิ่มความหอมยิ่งขึ้นไปอีก สามารถนำไปแล่ กินเป็นชาบู หรือปิ้งย่างก็ได้ อร่อยเหมือนกัน เนื้อ Striploin เป็นที่นิยมมากสำหรับร้านอาหารหลายๆร้าน ไม่ว่าจะเข้าไปกินร้านไหนก็ต้องมีเนื้อ Striploin อย่างแน่นอน โดยปกติแล้วเนื้อ Striploin จะไม่มีกระดูก แต่ก็จะมีบางที่ที่จะตัดให้ติดกระดูกได้เหมือนกัน จะเรียกว่า Shell Steak หรือ Club Steak กระดูกก็จะช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติขึ้นไปอีก อันนี้แล้วแต่คนชอบเลยนะ
เนื้อ Striploin นั้นมาจากส่วนของช่วงแถวๆเอวของวัวหรือที่เรียกกันว่า Short Loin ถ้าเราตัดแยกส่วนของ Short Loin ออกมา ก็จะได้ 4 ส่วนด้วยกัน ซึ่งก็คือ Striploin, T-Bone, Porterhouse, Tenderloin ซึ่ง Striploin จะอยู่ตรงบริเวณด้านบนสุดติดกับกระดูกสันหลังของวัว อยู่ระหว่างส่วนซี่โครงซี่สุดท้ายของส่วน Rib กับ ข้อต่อกระดูกข้อแรกของส่วน Sirloin
หรือถ้าจะให้เห็นภาพมากขึ้นก็คือ T-Bone กับ Porterhouse จะมีส่วนที่มีเนื้ออยู่2ฝั่ง ผั่งที่มีไขมันอยู่ที่ขอบนอกนั่นก็คือ Striploin (เนื้อสันนอก) ส่วนฝั่งที่ชิ้นเล็กกว่าก็คือ Tenderloin (เนื้อสันใน) นั่นเอง
ข้อมูลโภชนาการ (200กรัม)
ที่มา: nutritionix.com
Striploin เหมาะกับผู้ที่ชอบทานเนื้อนุ่มๆ มีลายไขมันแทรกไม่เยอะเท่า Ribeye สามารถตัดส่วนไขมันที่ขอบนอกออกได้สำหรับคนรักสุขภาพ ทานได้แม้กระทั่งความสุกระดับ well-done แต่ไม่ถึงขนาดไหม้เกรียมนะ เนื้อส่วนนี้จะมีเส้นใยเล็กๆซึ่งช่วยทำให้นุ่มแทรกอยู่ทุกอณูของชิ้นเนื้อ ทำให้ไม่แห้งแข็งกระด้างจนไม่อร่อย แต่ก็แนะนำให้ทานแบบ medium rare จะได้สัมผัสและความชุ่มฉ่ำที่มากกว่า