"หอยปีกนก" (Hokkigai) สาระเน้นๆ..
ฮกกิไก(Hokkigai) หรือ “หอยปีกนก” เป็นหนึ่งในสายพันธุ์หอยลายที่มาจากน่านน้ำเย็นของซีกโลกเหนือของญี่ปุ่นและแถบแคนาดา โดดเด่นในด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส สีและรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่นิยมจากญี่ปุ่นไปทั่วทั้งโลก ส่วนใหญ่เรามักพบเป็นเมนูในร้านอาหารญี่ปุ่น เช่น ซูชิและซาซิมิ เรามาเจาะลึกเรื่องต่างๆของฮกกิไกหรือหอยปีกนกกัน
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Spisula sachalinensis
- ชื่อภาษาญี่ปุ่น: ホッキ貝 หรือ Hokkigai
- สายพันธุ์: เป็นของตระกูล Mactridae และเป็นหอยลายชนิดหนึ่ง
- ชื่ออื่นๆ: หรืออาจจะคุ้นๆกันในชื่อ “หอยลายอาร์กติก” ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ที่พบในน่านน้ำทางตอนเหนือที่มีอากาศหนาวเย็นทั่วประเทศแคนาดาและทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น
ลักษณะและถิ่นที่อยู่อาศัย
- ลักษณะ: หอยปีกนกมีลักษณะเด่นคือมีกล้ามเนื้อที่ยาวเหมือนปีกนกหรือลิ้น และมีสีแดงหรือสีชมพูสดใสตามขอบเนื้อ แต่ที่น่าสนใจคือสีธรรมชาติเดิมๆของหอยปีกนกจะค่อนข้างเข้มและคล้ำ การต้มซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการเตรียมหอยปีกนกเพื่อใช้ในกาทำอาหาร มีหน้าที่ในการเปลี่ยนสี หลังจากการต้มเนื้อจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือชมพูสดใส มีชีวิตชีวามากขึ้น
- ที่อยู่อาศัย: หอยชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดีในน่านน้ำทางตอนเหนือที่หนาวเย็น โดยส่วนใหญ่อยู่บริเวณประเทศแคนาดาและทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น
- ขนาด: ขนาดของหอยปีกนกอาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปจะมีความยาวตั้งแต่ 10 ถึง 20 ซม.
- อายุ: หอยปีกนกสามารถมีอายุได้ถึง 14 ปีขึ้นไป โดยหอยที่มีอายุมากกว่าโดยทั่วไปจะมีเนื้อแน่นและเด้งกว่า
รสชาติและเนื้อสัมผัส
รู้ไหมว่า? อายุของหอยปีกก็มีส่วนสำคัญในการให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต่างกันออกไป
เนื้อสัมผัส
- อายุน้อย: มักจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม และชุ่มฉ่ำมากกว่า ทำให้เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องการความนุ่มนวลมากขึ้น เช่น ซาซิมิหรืออาหารที่ผ่านความร้อนน้อยๆ
- อายุมาก: มักจะมีเนื้อสัมผัสที่แน่นหนึบ และได้เคี้ยวมากกว่า ทำให้เหมาะสำหรับอาหารที่อาจเป็นในการผัด ย่าง หรือวิธีการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงๆ
รสชาติ
- อายุน้อย: มักมีรสชาติที่อ่อนกว่า ซึ่งบ่งบอกถึงอายุการมีชีวิตในทะเลที่สั้นกว่า การซึมซับรสชาติจากน้ำทะเลจะยังไม่เข้มข้นเท่า
- อายุมาก: มักมีรสชาติที่เข้มข้นและเด่นชัดมากกว่า โดยใช้เวลาอยู่ในทะเลมากกว่าทำให้รสชาติของน้ำทะเลถูกซึมซับเข้าไปยังเนื้อนานหลายปี
ส่วนที่กินไม่ได้: ส่วนที่กินได้ของหอยปีกนกคือกล้ามเนื้อของมัน แต่ส่วนที่กินไม่ได้คือ ลำไส้ จะต้องถูกเอาออกก่อนนำไปประกอบอาหาร มิเช่นนั้นอาจทำให้ท้องเสียได้
ข้อมูลทางโภชนาการ
หอยปีกนกก็เหมือนกับหอยชนิดอื่นๆ โดยทั่วไปมีแคลอรี่และไขมันต่ำและเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการพัฒนาและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพของหัวใจอีกด้วย
หนึ่งหน่วยบริโภค 3 ออนซ์ (85 กรัม)
- แคลอรี่: 70 กิโลแคลอรี
- โปรตีน: 13 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 3 กรัม
- ไขมัน: < 1 กรัม
- โคเลสเตอรอล: 25 มก
- กรดไขมันโอเมก้า-3: 200มก
การใช้ทำอาหาร
หอยปีกนกเป็นส่วนผสมอเนกประสงค์ที่นำไปใช้ในการทำอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซูชิและซาซิมิ ซึ่งมีรสชาติหวานและเนื้อสัมผัสที่แน่น นอกเหนือจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้ในซุป สลัด และอื่นๆ ได้อีกด้วย
ฤดูกาลที่ดีที่สุด
ฤดูกาลที่ดีที่สุดคือช่วงเดือนที่อากาศเย็น โดยทั่วไปคือตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่หอยถูกเก็บเกี่ยว และรสชาติของหอยจะดีที่สุด
วิธีเก็บความสดและแช่แข็ง
เพื่อรักษาความสดของหอยปีกนก ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็งเล็กน้อย ประมาณ 32°F ถึง 34°F (0°C to 1°C) และควรบริโภคภายใน 2-3 วัน หากต้องการเก็บได้นานขึ้น แนะนำให้แช่แข็ง 0°F (-18°C) หรือต่ำกว่า ก่อนแช่แข็ง แนะนำให้ทำความสะอาดหอยให้สะอาดก่อนแล้วใส่ในถุงสุญญากาศเพื่อรักษารสชาติและเนื้อสัมผัสของหอย เมื่อจะใช้งาน แนะนำให้ใช้วิธีละลายช้าในตู้เย็นเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของเนื้อสัมผัสและรสชาติ