แชร์

โซเดียม ภัยเงียบที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

อัพเดทล่าสุด: 10 ก.ย. 2024
166 ผู้เข้าชม
อันตราย โซเดียม วัตถุดิบอาหาร สุขภาพ ขายปลีก ขายส่ง Bigfridgeboy


เชื่อเลยว่า หลายๆคนได้รับโซเดียมมากกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวันโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากโซเดียมสามารถพบได้ตามอาหารแปรรูปทั่วไปทุกชนิด เป็นมากกว่าเรื่องของการเพิ่มรสชาติอาหาร เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา แม้ว่าจะเป็นสารอาหารที่สำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกายต่างๆ แต่การได้รับโซเดียมที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้


โซเดียมคืออะไร?
โซเดียม (sodium) เป็นองค์ประกอบทางเคมีที่มีสัญลักษณ์ Na และเลขอะตอม 11 เป็นโลหะอ่อน สีขาวเงิน และมีปฏิกิริยาสูง ในบริบทของโภชนาการเรามักพบโซเดียมในรูปของโซเดียมคลอไรด์หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเกลือ พบได้ในอาหารทุกชนิด และยังมีการเติมเพิ่มเข้าไปในอาหารแปรรูปหลายชนิดเพื่อเพิ่มรสชาติและรักษาความสดใหม่

American Heart Association แนะนำการบริโภคโซเดียมในอาหารไม่ควรเกิน 2,300 มก. ต่อวัน (ซึ่งเท่ากับเกลือหนึ่งช้อนชา) และไม่ควรเกิน 1,500 มก. สำหรับผู้ใหญ่


หน้าที่ของโซเดียม
โซเดียมมีบทบาทสำคัญหลายประการในร่างกายของเรา

  • ช่วยรักษาสมดุลของของเหลวโดยการกักเก็บน้ำซึ่งจะช่วยรักษาปริมาณเลือด
  • มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทสามารถส่งและรับสัญญาณไฟฟ้าได้
  • มีบทบาทในการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ
  • ช่วยในการดูดซึมและลำเลียงขนส่งสารอาหาร

 

ถ้าเรากินโซเดียมน้อยไปจะเป็นอย่างไร?
โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น ซึ่งหมายความว่าร่างกายของเราไม่สามารถผลิตได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น การขาดโซเดียมอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เหนื่อยล้า กล้ามเนื้อกระตุก ชัก และในกรณีที่รุนแรงอาจโคม่าหรือเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่การขาดโซเดียมนั้นพบได้ยากในประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากพบได้ทั่วไปในอาหารทุกๆมื้อ


ถ้าเรากินโซเดียมมากเกินไปล่ะ?
การได้รับโซเดียมมากเกินไป ยิ่งเป็นเวลานานๆ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายอย่าง ได้แก่

  • ความดันโลหิตสูง: โซเดียมส่วนเกินจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากขึ้น เพิ่มปริมาตรของเลือด และทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น
  • โรคหัวใจ: ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • โรคหลอดเลือดสมอง: ความดันโลหิตสูงทำให้เกิดความเสียหายในหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไต: ไตทำหน้าที่กรองโซเดียมส่วนเกินออก แต่ถ้ามากเกินไปอาจทำให้ไตทำงานหนักและอาจนำไปสู่โรคไตได้

 

สรุปแล้วโซเดียมดีหรือไม่ดี?
โซเดียมเป็นได้ทั้งประโยชน์และโทษในเวลาเดียวกัน โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายของเราในการทำงานอย่างถูกต้อง มีบทบาทสำคัญในการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ รักษาสมดุลของของเหลว และควบคุมปริมาณเลือดและความดันโลหิตของร่างกาย

อย่างไรก็ตาม หากได้รับโซเดียมที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับร่างกายของผู้ที่ไวต่อโซเดียม ปัญหาเกี่ยวกับโซเดียมไม่ได้อยู่ที่อาหารของเรา แต่อยู่ที่การได้รับที่มากเกินไปนั่นเอง


ทำไมโซเดียมถึงทำให้ดูอ้วนขึ้น?
ตัวโซเดียมเองไม่ได้ทำให้น้ำหนักขึ้นหรือสะสมเก็บเป็นไขมัน การได้รับโซเดียมในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดการกักเก็บน้ำได้ ร่างกายของเราจะต้องรักษาสมดุลของโซเดียมในน้ำ ดังนั้นเมื่อกินโซเดียมมากขึ้น ร่างกายจะกักเก็บน้ำไว้มากเป็นพิเศษเพื่อปรับสมดุล กลไกการกักเก็บน้ำนี้อาจทำให้น้ำหนักขึ้น ดูบวมหรืออ้วนขึ้น แต่อย่าเข้าใจผิดไป โซเดียมไม่ได้ทำให้ไขมันเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แค่น้ำในตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง


ทำไมกินอาหารรสเค็มจึงทำให้หิวน้ำ?
เหตุผลที่การกินโซเดียมทำให้รู้สึกหิวน้ำมากขึ้นก็เนื่องมาจากการที่ร่างกายของเราต้องรักษาสมดุลของของเหลว โซเดียมเป็นอิเล็กโทรไลต์ที่ช่วยควบคุมปริมาณน้ำที่อยู่รอบๆเซลล์

เมื่อกินโซเดียม โซเดียมจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและดึงน้ำเข้าสู่เส้นเลือดเพื่อเจือจาง จะทำให้ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งร่างกายจะรับรู้ได้เองว่าเป็นระดับความดันเลือดนั้นสูงขึ้น

เพื่อลดความดันในส่วนนี้ ไตจะกรองโซเดียมส่วนเกินบางส่วนออกทางปัสสาวะ และต้องการน้ำเพื่อให้ทำงานได้ ดังนั้น ร่างกายจะส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อทำให้เรารู้สึกหิวน้ำ กระตุ้นให้ดื่มน้ำเพื่อเจือจางโซเดียมและขับออกจากร่างกายนั่นเอง


ชื่อต่างๆ ของโซเดียมที่พบบ่อยบนฉลาก
โซเดียมในรูปแบบต่างๆ ทำหน้าที่ต่างกันในการแปรรูปสำหรับอาหาร โดยมักเป็นสารกันบูด เพิ่มรสชาติ หรือสารทำให้คงตัว

  • Sodium Chloride: หรือที่รู้จักกันก็คือเกลือนั่นเอง ใช้เป็นเครื่องปรุงรสในอาหาร
  • Monosodium Glutamate (MSG): คือผงชูรส เพิ่มรสชาติที่ใช้ในอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ
  • Sodium Bicarbonate: คือเบคกิ้งโซดา ใช้เป็นสารทำให้เป็นหัวเชื้อในการอบและทำให้ค่าความเป็นกรดเป็นกลางในอาหารบางชนิด
  • Sodium Nitrate/Nitrite: ใช้เป็นสารกันบูดและสารตรึงสีในเนื้อที่ผ่านการหมักแล้ว เช่น แฮมและไส้กรอก
  • Sodium Benzoate: ใช้เป็นสารกันบูดเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในอาหารที่เป็นกรด
  • Sodium Alginate: ใช้เป็นสารเพิ่มความคงตัว สารทำให้ข้น และอิมัลซิไฟเออร์ในอาหาร เช่น ไอศกรีมและโยเกิร์ต
  • Sodium Citrate: ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นหรือสารบัฟเฟอร์ pH หรือเพื่อให้เนื้อสัมผัสเรียบเนียนยิ่งขึ้น เช่น ไอศกรีมและชีส
  • Sodium Sulfite: ใช้เป็นสารกันบูดเพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีในอาหาร เช่น ผลไม้แห้งและไวน์
  • Sodium Ascorbate: เป็นวิตามินซีรูปแบบหนึ่งที่ใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารแปรรูปเพื่อป้องกันการเน่าเสีย
  • Sodium Saccharin: เป็นสารให้ความหวานเทียมแบบไม่มีแคลอรี่ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลหลายร้อยเท่า

 

โดยสรุปแล้ว แม้ว่าโซเดียมจะเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง การมีโซเดียมมากเกินไปอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไตเสียหาย และแม้แต่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งบางชนิด โซเดียมส่วนใหญ่ที่เราบริโภคมักซ่อนอยู่ในอาหารแปรรูปและอาหารจากร้านอาหาร ทำให้เกินขีดจำกัดที่แนะนำได้ง่าย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงการเลือกรับประทานอาหารของเราและตรวจสอบฉลากอาหาร เมื่อทำเช่นนี้ เราสามารถจัดการการบริโภคโซเดียมของเราได้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการปกป้องสุขภาพของเราและช่วยให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างเหมาะสมที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy